วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จับแล้วมือปาระเบิดวงเหล้า ที่แท้เมียจ้างญาติ

                                 พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. แถลงผลการจับกุม น.ส.อริศา หรือน้ำ สีมอ อายุ 20 ปี นายประเสริฐพร หรือเติ้ล กลิ่นคำดี อายุ 29 ปี และนายอุดมเดช หรือตั้ม กลิ่นคำดี อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุ

จับแล้วมือปาระเบิดวงเหล้า ที่แท้เมียจ้างญาติ 8 หมื่น ฆ่าผัวหวังฮุบกิจการ...ตร.ตามรวบแล้ว สองพี่น้องปาระเบิดใส่วงเหล้าริมถนนกัลปพฤกษ์ ตาย 2 เจ็บ 3 ที่แท้เป็นฝีมือของเมียเจ้าของร้านโฟมจ้างญาติตัวเองในราคา 8 หมื่น ขี่ จยย.มาปาระเบิดสังหารสามีตัวเองหวังฮุบกิจการ ตร.ตามสืบจากกล้องวงจรปิดและตามจับได้ที่ จ.ปราจีนบุรี พร้อม จยย.ของกลาง ก่อนตามจับเมียสุดโหดได้ในเวลาต่อมา 
       
       วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสนครบาล พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. แถลงผลการจับกุม 
น.ส.อริศา หรือน้ำ สีมอ อายุ 20 ปี 
นายประเสริฐพร หรือเติ้ล กลิ่นคำดี อายุ 29 ปี และ
นายอุดมเดช หรือตั้ม กลิ่นคำดี อายุ 27 ปี 
   ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาร่วมกันพยายามฆ่านายสมบูรณ์ สายดง ซึ่งเป็นสามี น.ส.อริศา หรือน้ำ สีมอ พร้อมพวก โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ก่อเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มนายสมบูรณ์เมื่อกลางดึกวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เหตุเกิดที่หน้าร้านดำรงโฟม ถ.กัลปพฤกษ์ ฝั่งมุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค กทม. จนเป็นเหตุให้นายสินาถ บุตรวิชา และนายโจอี้ สายดง เสียชีวิตภายในทิ่เกิดเหตุ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน
       พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ติดตามคนร้าย กระทั่งพบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ในร้านที่เกิดเหตุ บันทึกภาพคนร้ายเป็นชาย 2 คนขี่จักรยานยนต์มาก่อเหตุ และสืบทราบว่า น.ส.อริศา ภรรยาของนายสมบูรณ์มีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบสวน กระทั่งรับสารภาพว่าเป็นผู้ว่าจ้างนายประเสริฐพร หรือเติ้ล กลิ่นคำดี และนายอุดมเดช หรือตั้ม กลิ่นคำดี สองพี่น้องให้ก่อเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มนายสมบูรณ์จริง โดยให้ค่าจ้างเป็นเงิน 80,000 บาท ส่วนนายประเสริฐพร หรือเติ้ล กลิ่นคำดี และนายอุดมเดช หรือตั้ม กลิ่นคำดี เจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ที่ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
       จากการสอบสวน น.ส.อริศาให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ก่อเหตุคือ นายสมบูรณ์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านดำรงโฟมและเป็นสามีของตน มีปัญหาทะเลาะกับพ่อแม่ของตน และมีปัญหาในเรื่องส่วนตัวหลายเรื่อง ประกอบกับต้องการจะฮุบกิจการของนายสมบูรณ์เป็นของตนเองจึงวางแผนลงมือฆ่า โดยการจ้างวานญาติของตนลงมือ ซึ่งคือผู้ต้องหาอีก 2 คน แต่สุดท้ายก็มาถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และนำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป...
11 พฤษภาคม 2555 14:12 น.

รอง ผบช.น.ประชุมเร่งรัดคดีปาบึ้มวงเหล้า ดับ 2 ศพ
22 เมษายน 2555 20:55 น.


รอง ผบช.น.ประชุมคลี่คลายคดีปาระเบิดใส่วงเหล้าริมถนนกัลปพฤกษ์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บอีก 3 ราย ระบุ คนร้ายมีทักษะในการขว้างระเบิดเป็นอย่างดี ส่วนปมสังหารให้น้ำหนักเรื่องชู้สาว หลังสอบพบหนึ่งในผู้ตายไปทำสาวร้องไห้ที่ร้านคาราโอเกะ ก่อนเกิดเหตุ แต่ยังไม่ตัดประเด็นขัดแย้งธุรกิจ
       
       วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.เพชรเกษม พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.น.เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดคดีที่คนร้ายขับขี่จักรยานยนต์เป็นพาหนะขว้างระเบิดใส่ ร้านดำรงโฟม ตั้งอยู่ริมถนนกัลปพฤกษ์ ตัดถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค กทม. เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 22.15 น.วันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ นายโจอี้ สายดง อายุ 37 ปี และ นายสีนาท บุตรวิชา อายุ 54 ปี เสียชีวิต ส่วนนายสมบูรณ์ สายดง อายุ 56 ปี บิดา นายโจอี้ นายดำรง อุดมพร อายุ 58 ปี และ นายณรงค์ศักดิ์ คงดี อายุ 40 ปี ได้รับบาดเจ็บ
       
       พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า จากสอบสวนทราบว่าก่อนที่จะเกิดเหตุผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งหมด 5 คน ได้ตั้งวงดื่มสุรากัน ส่วนแนวทางการสืบสวนสาเหตุในครั้งนี้ตั้งไว้ 5 ประเด็น ตั้งแต่เรื่องชู้สาว ทะเลาะวิวาท ขัดแย้งธุรกิจ และอื่นๆ ซึ่งทุกประเด็นยังไม่ได้ตัดทิ้ง แต่ได้ให้น้ำหนักไปเรื่องการทะเลาะวิวาทช่วงเทศกาลสงกรานต์ และทะเลาะวิวาทในกลุ่มตามสถานบันเทิง เพราะนายโจอี้ ผู้ตายและเพื่อนในกลุ่มชอบเที่ยวและมีปัญหาในสถานบันเทิงเป็นประจำ สำหรับภาพกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุนั้น ทางฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.9 ตรวจสอบพบดูว่า เป็นภาพคนร้ายในระยะไกล ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น น่าจะมีความชำนาญ เพราะมีทักษะในการขว้าง สำหรับระเบิดที่คนร้ายใช้ลงมือนั้น เป็นระเบิดชนิด 82-2 ซึ่งผลิตในประเทศจีน มีระยะการทำร้ายรัศมี 6 เมตร และมีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้าน
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับก่อนที่จะเหตุการณ์ดังกล่าวเพียง 1 วัน นายโจอี้ ผู้เสียชีวิต ช่วงหัวค่ำได้ไปนั่งดื่มเหล้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นก็กลับเข้ามาที่ร้านดำรงโฟม ก่อนที่จะไปนั่งร้านคาราโอเกะ ก่อนที่จะเดินออกมาจากร้านคาราโอเกะ มานั่งกินข้าวต้มต่อ โดยระหว่างเดินออกมานั้น มีหญิงสาวร้องไห้เดินตามมาออกมา ก่อนที่จะไปนั่งข้าวต้มที่ซอยเอกชัย 64 โดยผู้ตายสั่งเบียร์มาดื่ม 1 ขวด จนเมานอนหลับคาเก้าอี้ ซึ่งระหว่างที่นายโจอี้นั่งดื่มนั่งบ่นอยากตาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนว่าช่วงที่นั่งอยู่ในร้านนายโจอี้ มีปัญหากับใครหรือไม่


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น