This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รวบหนุ่มอนาจารหญิง ประวัติอื้อเหยื่อรุมชี้ตัว

นายภูริพัฒน์ กุลพาณิชย์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาเสื้อสีขาว
สภ.นนทบุรี แถลงผลจับกุมผู้ต้องหา ล่อลวงหญิงไปเพื่อชิงทรัพย์ และกระทำอนาจาร มีผู้เสียหายมาชี้ตัวเพิ่มอีก 3 ราย พบประวัติชอบอ้างตัวเป็นลูกนายตำรวจ และรู้จักนักการเมืองดัง รับสารภาพก่อคดีมาแล้วหลายครั้ง และจะจดสถิติไว้ในสมุดบันทึกทุกครั้ง
       
       วันนี้ (4 ก.ค.) ที่ สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.นนทบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.อ.กองสรร ควรระงับกมล ผกก.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ รอง ผกก.สส.เมืองนนทบุรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายภูริพัฒน์ กุลพาณิชย์ อายุ 35 ปี ข้อหาชิงทรัพย์ พร้อมของกลางรถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออสสีดำ หมายเลขทะเบียน ฌภ 1141 กทม. โทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง พระเครื่องจำนวน 13 องค์ นาฬิกา 1 เรือนไอแพ็ด 3 เครื่อง บัตรเคดิต 4 ใบ ซิมโทรศัพท์จำนวน 11 ซิม ที่ยังไม่ได้เปิดใช้ และเงินสดจำนวนหนึ่ง
       
       สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.ค.55 นายภูริพัฒน์ กุลพาณิชย์ ได้ชักชวน น.ส.A(นามสมมุติ)ไปทำงานอีเวนต์ โดยอ้างตัวว่า เป็นเจ้าของบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ และได้ให้เบอร์โทร.ติดต่อไว้ น.ส.ภารดี ให้การว่าวันที่ 2 ก.ค.55 เวลา 13.00 น.นายภูริพัฒน์ กุลพาณิชย์ ขับรถมารับตนบริเวณแยกแครายเพื่อจะไปพูดคุยธุระกับเพื่อนอีกคนที่บริเวณถนนบรมราชชนนี เมื่อผู้ต้องหาขับมาถึงบริเวณซอยไทรม้า ได้บอกว่าจะเข้าไปไหว้พระ และขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยไทรม้า 13/1 เมื่อไปถึงบริเวณที่เปลี่ยว นายภูริพัฒน์ จอดรถ และพยายามลวนลาม ตนจึงขัดขืน ทำให้นายภูริพัฒน์ไม่พอใจ และข่มขู่จะทำร้าย ทำท่าจะหยิบอาวุธจากใต้เบาะคนขับและพูดว่า อย่าขัดขืนพร้อมกับกระชากกระเป๋าไป และโยนไว้ที่เบาะด้านหลัง แล้วรีบเปิดประตูวิ่งลงจากรถเพื่อหาคนช่วยเหลือ จากนั้น ผู้ต้องหาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบขับรถหนี ต่อมา ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง จนมาวันนี้ได้ข่าวว่าผู้ต้องหารายนี้ถูกจับกุม ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ดังกล่าว
       
ผู้เสียหายรุมชี้ตัว
       ด้าน พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภบก.ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาหลายครั้ง ในการก่อเหตุแต่ละครั้งผู้ต้องหาจะจดบันทึกการก่อเหตุแต่ละครั้งไว้ในสมุดบันทึก และมีผู้เสียหายมาชี้ตัวเพิ่มอีก 3 ราย และยังมีหมายจับของ สน.ดุสิต ข้อหาชิงทรัพย์ และมีอาวุธปืน แล้วอ้างตัวเป็นลูกนายตำรวจ และรู้จักนักการเมือง ส่วนผู้เสียหายรายใดที่เป็นเหยื่อของนายภูริพัฒน์ให้มาติดต่อได้ที่ สภ.บางศรีเมือง
       
รถคันก่อเหตุ
       ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้แถลงข่าวจับกุมตัว นายสรคมน์ จันทร์ใบเล็ก อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรีที่ 33/2555 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.55 เวลา 01.00 น.นายจักรพล ปรีชาพล นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายจนเสียชีวิต พร้อมกับนายน้ำมนต์ นาคใจเสือ ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่ง รพ. เหตุเกิดที่ถนนรัตนาธิเบศร์ หมู่ 8 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมกับนำผู้เสียหายมาชี้ยืนยันภาพถ่ายของนายสรคมน์ ผู้ถูกจับกุมว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้ก่อเหตุจริง พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาล และได้จับกุมตัวผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหายังให้การปฎิเสธ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป...


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ :


จับแม่ใจเหี้ยม บังคับลูกเปิดซิง 3 หมื่น

น.ส.อร (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาเสื้อขาวสวมหมวก
ปคม.แถลงผลจับกุมแม่ใจเหี้ยมบังคับลูกค้าประเวณีครั้งแรก 30,000 บาท ก่อนถูกสาวประเภทสองนำไปเร่ขายบริการในพื้นที่จ.ระยอง จนถูกกุมดำเนินคดี ผู้ต้องหาอ้างไม่รู้เรื่อง คิดว่าลูกสาวไปทำงานรับจ้างทั่วไป 

       
       วันนี้ (4 ก.ค.) ที่ กองบังคับการปรามปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม.พ.ต.อ.ประคัลภ์ แสงส่องฟ้า รอง ผบก.ปคม.พ.ต.อ.ยุทธภูมิ ปั้นลายนาค ผกก.2 บก.ปคม.พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รอง ผกก.2 บก.ปคม.พร้อมด้วย น.ส.ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ร่วมแถลงข่าวจับกุม น.ส.อร (นามสมมติ) อายุ 29 ปี พักอยู่ย่านบางซื่อ กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่ 925/2555 ลงวันที่ 25 มิ.ย.ข้อหา ร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก ร่วมกันเป็นธุระจัดหาหรือพาไปเพื่อการอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายและจิตใจของเด็ก หลังก่อเหตุบังคับลูกสาวแท้ๆวัย 14 ปี ของตัวเองขายประเวณี โดยจับกุมตัวได้บริเวณถนนท่าเรือจ้าง อ.เมือง จ.ตราด
       


       ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปคม.ได้รับการประสานจากมูลนิธิปวีณาฯให้ช่วยตามหา ด.ญ.เอ ที่หายตัวไปจากบ้าน จากการสืบสวนทราบว่า ด.ญ.เอ ถูกนายสิทธิชัย หรือปลาย อินทะนาม สาวประเภทสอง นำมาเร่ขายบริการทางเพศใน จ.ระยอง จึงนำกำลังเข้าช่วยเหลือ ด.ญ.เอ และจับกุมนายสิทธิชัย ดำเนินคดีได้เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลือ ด.ญ.บี ที่ถูกนายสิทธิชัย นำมาเร่ขายบริการทางเพศอีกด้วย จากการสอบถาม ด.ญ.บี ทราบว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.อร ซึ่งเป็นแม่แท้ๆนำไปขายบริการทางเพศโดยการเปิดบริสุทธิ์ในราคา 30,000 บาท ต่อมาพนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับ จากศาลอาญาและติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
       
       สอบสวน น.ส.อร ให้การว่า มีลูกทั้งหมด 7 คน โดย ด.ญ.บี เป็นลูกสาวคนโต ส่วนลูกคนเล็กเป็นผู้หญิงอายุ 8 เดือน ทั้งนี้ ด.ญ.บี ได้เรียนหนังหนังสือแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน กทม. จากนั้นได้ลาออกและไปอาศัยอยู่กับ น.ส.เอ ที่ อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งตนคิดว่าลูกสาวไปทำงานรับจ้างทั่วไปเพราะส่งเงินกลับมาให้บ้าง ทั้งนี้ไม่ทราบมาก่อนว่าลูกสาวไปค้าประเวณี
       


       "ในฐานะคนเป็นแม่ ไม่มีแม่คนไหนในโลกนี้จะบังคับให้ลูกขายตัวเลี้ยงตัวเอง แม้ฉันจะมีลูกหลายคนและมีฐานะยากจนแต่ก็ไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนและไม่เคยมีความคิดนี้ในสมอง" น.ส.อร กล่าวด้วยเสียงสะอื้น
       
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป...

ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ :



วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หนุ่มอเมริกันหึงหวงสาวไทย ทะเลาะกันที่ระเบียงพลัดตกดับทั้งคู่

สภาพศพนายซาวลี วีแล่น สัญชาติอเมริกัน และน.ส.ละไม ศรีสวดโม้





หนุ่มใหญ่สัญชาติอเมริกัน เกิดความหึงหวงสาวไทยมีปากเสียงกัน ก่อนออกมาทะเลาะกันที่ระเบียงโรงแรมสกายชั้น 6 เกิดพลาดท่าพลัดตกลงมาเสียชีวิตทั้งคู่ 
       
       วันนี้ (3 ก.ค.) ร.ต.อ.ศรุต ระยานนนนท์ หัวหน้าสายตรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุว่า มีชายหญิงกระโดดลงมาจากโรงแรมสกายมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ภายในซอยสุขุมวิท 1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์รพ.จุฬา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
       


       ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรม สูง 8 ชั้น บริเวณด้านหน้าของโรงแรม ทางเข้าลานจอดรถชั้นล่าง พบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อคือ นายซาวลี วีแล่น อายุ 58 ปี สัญชาติอเมริกัน ในสภาพนอนหงายเลือดไหลนอง มีลักษณะแขนขาผิดรูป สวมเสื้อกล้ามสีเทาเข้ม กางเกงบอกเซอร์สีฟ้าลาย ใกล้กันพบศพน.ส.ละไม ศรีสวดโม้ อายุ 47 ปี ที่อยู่ 115/151 หมู่ 4 ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ สภาพศพนอนหงาย มีลักษณะแขนขาผิดรูป สวมเสื้อแขนกุดลายตาลางสีฟ้า กางเกงยีนส์ขาสั้น
       
       จากการสอบสวน นายประพันธ์ มีนาค อายุ 54 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังจะออกไปซื้อโจ๊กที่บริเวณหน้าปากซอย เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดัง จึงมองขึ้นไปที่โรงแรมก็เห็นทั้งคู่กำลังร่วงลงมาจากตัวอาคาร และเห็นผู้หญิงกำลังดิ้นอยู่หายใจรวยรินก่อนที่จะเสียชีวิต
       




       ร.ต.อ.ศรุต เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองพักอยู่ห้องเลขที่ 602 ชั้น 6 เข้ามาพักเมื่อวันที่ 2ก.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ได้มีปากเสียงทะเลาะกัน หลังจากนั้นได้เดินออกมาที่บริเวณระเบียงแล้วมาทะเลาะกันต่อ ก่อนที่ทั้งคู่จะปีนระเบียงและกระโดดลงมาเสียชีวิตดังกล่าว
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากความหึงหวงฝ่ายหญิง จะต้องทำการสอบสวนหาสาเหตุต่อไป...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ :



วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แท็กซี่โจรก่อคดีจี้ชิงทรัพย์สาวการบินไทย คู่ขนานมอเตอร์เวย์

น.ส.ชลลดา จาระสิทธิ์ ผู้เสียหายแจ้งความ
พนักงานสาวการบินไทย ถูกโซเฟอร์แท็กซี่โตโยต้าสีเขียว หมายเลขทะเบียน มจ 621 กรุงเทพ ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ขณะนั่งโดยสารอยู่เบาะหลังบริเวณคู่ขนานมอเตอร์เวย์ หลังเลิกงานเลี้ยงสังสรรค์ที่อาร์ซีเอเพื่อกลับบ้านย่านศรีนครินทร์ ได้ทรัพย์สินไป 5 หมื่นบาท ผู้เสียหายเปิดประตูวิ่งหนีลงจากรถ ก่อนคนร้ายขับรถหนีไป

       
       วันนี้ (1 ก.ค.) น.ส.ชลลดา จาระสิทธิ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2001/102 ซ.สุขุมวิท 101/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ อาชีพพนักงานฝ่ายครัวการบินไทย ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.พงศพิเชษฐ จำปางาม พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ลาดกระบัง ว่า ได้ถูกคนร้ายที่อยู่ในคราบของแท็กซี่ จี้เอาทรัพย์สินไปขณะนั่งรถกลับบ้าน หลังจากที่เลิกจากงานเลี้ยงย่านอาร์ซีเอ ถนนพระราม 9 ได้ทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 5 หมื่นบาท
       
       น.ส.ชลลดา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนที่ย่าน RCA ถนนพระราม 9 หลังจากงานเลี้ยงเลิก ได้ขึ้นรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว หมายเลขทะเบียน มจ 621 กรุงเทพ จากริมถนนหน้าอาร์ซีเอเพื่อกลับบ้านที่ย่านศรีนครินทร์ โดยได้นั่งที่เบาะหลังด้านซ้ายของแท็กซี่คันดังกล่าว ระหว่างวิ่งรถมาตามทางถนนพระราม 9 ขาออก จากนั้น แท็กซี่ก็ได้วิ่งเปลี่ยนเส้นทาง โดยวิ่งเลยมายังถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ ซึ่งสังเกตเห็นว่าผิดเส้นทาง ตนเองจึงได้ทักท้วงกับคนขับแต่คนขับกลับบอกว่า “เป็นทางลัด”
       
       ต่อมา เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณหน้าลานจอดรถ วัดคุณแม่จันทร์ ถ.เลียบทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์ แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่เปลี่ยว คนขับรถแท็กซี่จึงแสดงตัวเป็นคนร้าย ได้จอดรถแล้วใช้อาวุธมีดหันหลังมาจี้ตน พร้อมปิดล็อกประตูทั้งสี่ด้าน แล้วบอกให้ส่งกระเป๋ามา ซึ่งตนเองกลัวว่าจะถูกทำร้าย จึงได้ยื่นกระเป๋าถือให้ และภายในนั้นมีบัตรต่างๆ เงินสด จำนวน 1,500 บาท โทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์ยี่ห้อแบล็กเบอรี จำนวน 1 เครื่อง กุญแจรถยนต์ รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 5 หมื่นบาท จากนั้น ตนเองก็พยายามรีบเปิดล็อกรถ และวิ่งหลบหนีออกมาจากรถแท็กซี่อย่างรวดเร็วเพราะเกรงจะถูกทำร้าย แล้วได้ร้องความช่วยเหลือจากคนละแวกนั้น ส่วนคนร้ายหลังได้ทรัพย์สินรีบขับรถหลบหนีไป
       
       พ.ต.ท.สายันต์ เพ็ชรยืนยง รอง ผกก.สน.ลาดกระบัง เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุจากทางผู้เสียหายแล้ว จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียหายได้มีการโทรศัพท์คุยกับเพื่อนว่า ได้ขึ้นรถแท็กซี่ยี่ห้อ และทะเบียนอะไรกลับบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกับผู้โดยสารทุกคน ยิ่งเป็นสตรีควรจะกระพึงทำ และสามารถจดจำในรายละเอียดได้ทำให้เป็นประโยชน์อย่างมากเวลาเกิดเหตุ โดยขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถ และประวัติคนขับแท็กซี่เพื่อเร่งหาเบาะแสนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย...


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : 1 กรกฎาคม 2555 14:09 น.