This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สาวออสซีถูกปล้นบ้านหลังโพสต์โชว์เงินก้อนโตลง เฟซบุ๊ก


บีบีซี - คนร้าย 2 รายรุดไปยังบ้านหลังหนึ่งทางใต้ของออสเตรเลีย ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากวัยรุ่นหญิงรายหนึ่งโพสต์รูปเงินสดจำนวนมากลงบนเฟซบุ๊กของตนเอง ขณะที่ตำรวจยกกรณีนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนประชาชนระมัดระวังต่อการโพสต์ข้อมูลของตนเองบนโลกออนไลน์
       ตำรวจเปิดเผยว่า หัวขโมยสวมหน้ากาก 2 คนพร้อมอาวุธมีดและไม้ ดอดขึ้นบ้านของมารดาของหญิงสาววัย 17 ปีรายนี้ ที่เมืองบันดานูน ในรัฐนิวเซาท์เวลล์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (24)
      พวกตีนแมวใช้อาวุธจี้ถามแม่รายนี้ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าลูกสาวของเธอไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นั่น จากนั้นคนร้ายจึงค้นบ้านจนทั่ว แต่ได้ไปเพียงเงินสดจำนวนนิดหน่อยและข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ก่อนหลบหนีไป
      ยังไม่ทราบแน่ชัดพวกโจรทราบได้ที่อยู่ครอบครัวนี้มาได้อย่างไร เนื่องจากภาพที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กนั้นก็เป็นรูปบ้านของคุณย่าของเธอในซิดนีย์ คนละหลังของบ้านที่ถูกปล้น แต่สันนิษฐานว่าคนร้ายคงคิดว่าลูกๆหลานๆในตระกูลนี้มีทรัพย์สินมากมายก่ายกองหรือไม่ก็ปล้นผิดบ้านจากความเข้าใจผิด
     รายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้าเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมงเด็กหญิงคนดังกล่าวเพิ่งโพสต์รูปบนเฟซบุ๊ก เป็นภาพเงินสดจำนวนมากที่เธอกำลังช่วยนับอยู่ที่บ้านของคุณย่าวัย 72 ปี ในเมืองซีดนีย์ ห่างจากบันดานูน ราว 120 กิโลเมตร
    หลังจากตรวจสอบเหตุ ตำรวจได้ประกาศเตือนประชาชนถึงอันตรายของการโพสต์ข้อมูลที่อ่อนไหวลงบนโลกออนไลน์ ที่อาจนำภัยมาถึงตัวได้...


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th



วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จับแท็กซี่หื่นข่มขืนผู้โดยสารสาวในซอยเปลี่ยว

                                          ภาพประกอบจาก Internet

   สืบคลองตันรวบแท็กซี่หื่นกามข่มขืนผู้โดยหญิงภายในซอยพัฒนาการ 32 ซึ่งเป็นซอยเปลี่ยว โดยทำทีหลอกเหยื่อว่าพาไปทางลัด ก่อนลงบังคับข่มขืนบริเวณกลางซอยแล้วหลบหนีไป ตำรวจตามรวบทันควันที่บ้านพักของพ่อคนร้าย ตรวจสอบพบเคยติดคุกคดีอนาจารชาวต่างชาติเพิ่งพ้นโทษเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่กลับมาก่อเหตุภายในซอยดังกล่าวอีก 
       วานนี้ (28 พ.ค.) ที่ สน.คลองตัน เมื่อเวลา 23.30 น. พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.คลองตัน พร้อมด้วย พ.ต.ท.อภิชาติ ทองจันดี พ.ต.ต.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ สว.สส.สน.คลองตัน ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายนภดล หรือเค ตะบ้านไร่ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 2 ต.หินลาด อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ผู้ต้องหากระทำชำเราผู้หญิง พร้อมรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีแดง-ฟ้า หมายเลขทะเบียน ทน 5547 กทม. โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณกลางซอยอ่อนนุช 17 แยก 20 แขวงและเขตสวนหลวง กทม.
                              นายนภดล หรือเค ตะบ้านไร่ แท็กซี่โจรหลอกลวงหญิงสาวไปกระทำชำเรา  


       พ.ต.อ.สิทธิภาพเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.คลองตัน ได้รับแจ้งเหตุมีแท็กซี่หลอกลวงผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 26 ปี ไปข่มขืนกระทำชำเราภายในซอยพัฒนาการ 32 แขวงและเขตสวนหลวง โดยผู้เสียหายสามารถจดจำลักษณะของรถแท็กซี่คันเกิดเหตุได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ออกสืบสวนหาข้อมูลและติดตาม จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายนภดล จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไปดักซุ่มบริเวณที่จับกุมตัวได้ในละแวกบ้านพักของบิดานายนภดล
       พ.ต.อ.สิทธิภาพกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาเคยติดคุกที่เรือนจำ จ.พิษณุโลก ข้อหากระทำอนาจารหญิงสาวชาวฟิลิปปินส์ ตั้งแต่ปี 2550 และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อ ช่วงต้นปี 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ลงมือก่อเหตุภายในซอยพัฒนาการ 32 เช่นเดียวกัน ส่วนผู้เสียหายได้ส่งไปตรวจและรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตำรวจก่อนหน้านี้แล้ว
      สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ได้รับผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้หญิง บริเวณหน้าอาคารพัฒนาการไลท์คอมเพล็กซ์ ซอยพัฒนาการ 25 และจะไปส่งที่ โรงแรมคิงปาร์ค ย่านศรีนครินทร์ แต่ระหว่างทางที่จะไปส่งการจราจรติดขัด เลยบอกกับผู้โดยสารว่าจะหาไปทางลัด แล้วได้ขับเข้าไปยังปลายซอยพัฒนาการ 32 ซึ่งซอยดังกล่าวจะเป็นซอยเปลี่ยว ขณะนั้นรู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาจึงได้ใช้กำลังประทุษร้ายและข่มขืนกระทำชำเราผู้โดยสารจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง บริเวณเบาะด้านหลังของรถแท็กซี่ ต่อมาได้ปล่อยให้ผู้โดยสารลงจากรถบริเวณกลางซอยพัฒนาการ 32 และได้ขับรถแท็กซี่หลบหนีไปจนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวในที่สุด
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : 29 พฤษภาคม 2555 06:14 น.

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตามรวบแก๊งปล้นทรัพย์ตระเวนก่อเหตุหลายพื้นที่

                                         ตำรวจนำตัวมาแถลงข่าว
ตำรวจสำโรงเหนือจับ 2 ผู้ต้องหาร่วมกับพวกที่ยังเป็นเยาวชน ออกตระเวนปล้นทรัพย์ตามถนนสายต่างๆ โดยใช้ จยย.จอดขวางถนน แล้วชักอาวุธปืนออกมาขู่ให้เหยื่อส่งทรัพย์สินให้ ใครขัดขืนจะทำร้ายร่างกายทันที เผยก่อคดีมาหลายพื้นที่ทั้งเมืองหลวงและปริมณฑล
       วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ รอง ผบก.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.ณรงค์ ชนะภัยกุล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ภาคภูมิ โห้ใย สว.สส. พ.ต.ต.กฤติน ตปสีโล สวป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ แถลงการจับกุม นายกล้า มีสัตย์ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 60 ม.10 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายนครินทร์ หรือเขียด แก้วถมยา บ้านเลขที่ 2742 ม.6 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 2 ผู้ต้องหาใช้รถจยย.ตระเวนก่อเหตุปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมของกลางแหวนหลวงพ่อพยนต์ จำนวน 1 วง อาวุธปืนลูกซองพกสั้นจำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาดลูกซองเบอร์ 20 จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำ-แดง จำนวน 1 คัน จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำ-เทา จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่าร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่นโดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร
       พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมี 4 คนรวมตัวกันเป็นแก๊งขับขี่จักรยานยนต์ออกตระเวนไปตามถนนและตามซอยต่างๆ ในเวลากลางคืนเพื่อปล้นทรัพย์ โดยเมื่อพบเหยื่อจะใช้จักรยานยนต์จอดขวาง ก่อนชักอาวุธปืนมาขู่พร้อมกับบังคับให้ผู้เสียหายส่งทรัพย์สินหรือไม่ก็ให้เพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คนที่เป็นเยาวชนหญิงอายุไม่เกิน 17 ปี ลงไปปลดทรัพย์แทน หากผู้เสียหายขัดขืนก็จะทำร้ายร่างกาย ส่วนทรัพย์สินที่ได้มานั้นจะนำไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกันเพื่อไปซื้อยาบ้ามาเสพ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้เคยต้องโทษเกี่ยวกับยาเสพติดในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ในข้อหาเสพยาเสพติด และรู้จักสนิทกันในเรือนจำ เมื่อพ้นโทษจึงชักชวนกันก่อเหตุเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายและซื้อยาบ้าเสพ
                                          คุมตัวไปทำแผน
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อผู้เสียหายมาชี้ตัวและตรวจสอบทรัพย์สิน ต่างก็ยืนยันว่าเป็นบุคคลที่ปล้นทรัพย์ไปจริง จากการตรวจสอบทราบว่าแก๊งดังกล่าวก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้ง ทั้งในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และเขตกรุงเทพมหานคร ส่วนเยาวชนหญิงร่วมแก๊งอีก 2 คนตามข้อมูลที่ผู้เสียหายยืนยันนั้นอยู่ระหว่างประมวลผลข้อมูลเพื่อนำตัวมาสอบสวนก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป...


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : 26 พฤษภาคม 2555 17:21 น.

จับแก๊งสาวเวียด ล้วงกระเป๋าสาวกเลดี้ กาก้า

                                          ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว
ตำรวจตามจับกุมแก๊งสาวเวียดนาม หลังจากเดินทางเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ล้วงกระเป๋าบรรดาผู้ชมคอนเสิร์ตเลดี้ กาก้า โดยเฉพาะ แล้วเตรียมบินกลับบ้านเกิดได้คาสนามบินสุวรรณภูมิ พบเข้ามาก่อเหตุช่วงเทศกาลใหญ่ๆ ในไทยโดยเฉพาะแล้วบินกลับในวันรุ่งขึ้นทันที 
       วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. และ พ.ต.อ.อุทัย กวินเดชาธร ผกก.สส.บก.น.4 แถลงการจับกุมแก๊งล้วงกระเป๋าจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย น.ส.เหงียน จิ คิม อัน(NGUYEN GHI KIM ANIT) อายุ 22 ปี, น.ส.ทราน ทิ ทูย พฮอง(TRAN THI THUY PHUONG) อายุ 29 ปี, นายโอ วาน แทน (HO VAN THAN) อายุ 43 ปี, นายคาว แท ฮอง (CAO THE HOANG) อายุ 41 ปี และนางทราน ทิ มิน เหงียน(TRAN THI MINH NGUYEN) อายุ 37 ปี ทั้งหมดสัญชาติเวียดนาม พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือไอโฟน 3 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ 32 เครื่อง เครื่องเล่นเกมแบบพกพา 1 เครื่อง เงินสดสกุลต่างๆรวมมูลค่าประมาณ 500,000 บาท โดยจับกุมได้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะกำลังจะหลบหนีกลับประเทศเวียดนาม
       พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อ วันที่ 25 พ.ค. เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวเวียดนามที่ร่วมกันก่อเหตุล้วงกระเป๋าของประชาชนที่เดินทางมาชมการแสดงคอนเสิร์ตเลดี้ กาก้า ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ได้ผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย และจากการสืบสวนขยายผลทราบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 5 รายกำลังจะเดินทางหลบหนีกลับประเทศเวียดนาม เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปจับกุมตัวได้ขณะที่ผู้ต้องหากำลังเช็กอิน พร้อมยึดของกลางดังกล่าวได้อีกหลายรายการ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าทั้งหมดเป็นแก๊งเดียวกัน โดยได้มีการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเตรียมหลบหนีกลับประเทศ สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาจะเข้ามาเป็นแก๊งและมีการแบ่งหน้าที่กัน โดยคนแรกจะเข้าไปเบียดและบังไม่ให้คนอื่นเห็น คนที่ 2 ทำหน้าที่ล้วงกระเป๋า และส่งต่อให้คนที่ 3
       
       เบื้องต้นสามารถติดต่อผู้เสียหายได้แล้ว 3 ราย สำหรับผู้ต้องหาแก๊งเวียดนามที่จับกุมได้นั้น ตรวจสอบพบว่าเดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เมื่อทราบว่าจะมีการจัดงานที่มีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมากก็จะเข้ามาตระเวนก่อเหตุ จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็จะเดินทางกลับ สำหรับประชาชนที่เดินทางไปดูคอนเสิร์ตเลดี้ กาก้า แล้วถูกล้วงกระเป๋า สามารถเดินทางไปตรวจสอบและรับสิ่งของคืนได้ที่ สน.หัวหมาก สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
        นอกจากนี้ น.ส.นันท์ชุดา นันทมานพ อายุ 23 ปี หลานสาวของ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.3 หนึ่งในผู้เสียหายได้เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา พร้อมกับดูของกลาง ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 4 ที่ถูกคนร้ายล้วงกระเป๋าไปขณะที่เดินทางไปชมคอนเสิร์ตเลดี้ กาก้า พร้อมทั้งเปิดเผยว่าตนเดินทางมากับเพื่อนๆ โดยเอากระเป๋าสะพายคล้องแขนไว้ จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามาเบียดซึ่งก็จำหน้าได้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้ายเพราะดูมีอายุ ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าประตูเพื่อไปชมคอนเสิร์ตได้ล้วงกระเป๋าเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ แต่ก็มารู้ตัวอีกทีว่าหายไปแล้ว...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th :26 พฤษภาคม 2555 16:58 น.