วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แท็กซี่โจรก่อคดีจี้ชิงทรัพย์สาวการบินไทย คู่ขนานมอเตอร์เวย์

น.ส.ชลลดา จาระสิทธิ์ ผู้เสียหายแจ้งความ
พนักงานสาวการบินไทย ถูกโซเฟอร์แท็กซี่โตโยต้าสีเขียว หมายเลขทะเบียน มจ 621 กรุงเทพ ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ขณะนั่งโดยสารอยู่เบาะหลังบริเวณคู่ขนานมอเตอร์เวย์ หลังเลิกงานเลี้ยงสังสรรค์ที่อาร์ซีเอเพื่อกลับบ้านย่านศรีนครินทร์ ได้ทรัพย์สินไป 5 หมื่นบาท ผู้เสียหายเปิดประตูวิ่งหนีลงจากรถ ก่อนคนร้ายขับรถหนีไป

       
       วันนี้ (1 ก.ค.) น.ส.ชลลดา จาระสิทธิ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2001/102 ซ.สุขุมวิท 101/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ อาชีพพนักงานฝ่ายครัวการบินไทย ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.พงศพิเชษฐ จำปางาม พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ลาดกระบัง ว่า ได้ถูกคนร้ายที่อยู่ในคราบของแท็กซี่ จี้เอาทรัพย์สินไปขณะนั่งรถกลับบ้าน หลังจากที่เลิกจากงานเลี้ยงย่านอาร์ซีเอ ถนนพระราม 9 ได้ทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 5 หมื่นบาท
       
       น.ส.ชลลดา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนที่ย่าน RCA ถนนพระราม 9 หลังจากงานเลี้ยงเลิก ได้ขึ้นรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว หมายเลขทะเบียน มจ 621 กรุงเทพ จากริมถนนหน้าอาร์ซีเอเพื่อกลับบ้านที่ย่านศรีนครินทร์ โดยได้นั่งที่เบาะหลังด้านซ้ายของแท็กซี่คันดังกล่าว ระหว่างวิ่งรถมาตามทางถนนพระราม 9 ขาออก จากนั้น แท็กซี่ก็ได้วิ่งเปลี่ยนเส้นทาง โดยวิ่งเลยมายังถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ ซึ่งสังเกตเห็นว่าผิดเส้นทาง ตนเองจึงได้ทักท้วงกับคนขับแต่คนขับกลับบอกว่า “เป็นทางลัด”
       
       ต่อมา เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณหน้าลานจอดรถ วัดคุณแม่จันทร์ ถ.เลียบทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์ แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่เปลี่ยว คนขับรถแท็กซี่จึงแสดงตัวเป็นคนร้าย ได้จอดรถแล้วใช้อาวุธมีดหันหลังมาจี้ตน พร้อมปิดล็อกประตูทั้งสี่ด้าน แล้วบอกให้ส่งกระเป๋ามา ซึ่งตนเองกลัวว่าจะถูกทำร้าย จึงได้ยื่นกระเป๋าถือให้ และภายในนั้นมีบัตรต่างๆ เงินสด จำนวน 1,500 บาท โทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์ยี่ห้อแบล็กเบอรี จำนวน 1 เครื่อง กุญแจรถยนต์ รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 5 หมื่นบาท จากนั้น ตนเองก็พยายามรีบเปิดล็อกรถ และวิ่งหลบหนีออกมาจากรถแท็กซี่อย่างรวดเร็วเพราะเกรงจะถูกทำร้าย แล้วได้ร้องความช่วยเหลือจากคนละแวกนั้น ส่วนคนร้ายหลังได้ทรัพย์สินรีบขับรถหลบหนีไป
       
       พ.ต.ท.สายันต์ เพ็ชรยืนยง รอง ผกก.สน.ลาดกระบัง เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุจากทางผู้เสียหายแล้ว จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียหายได้มีการโทรศัพท์คุยกับเพื่อนว่า ได้ขึ้นรถแท็กซี่ยี่ห้อ และทะเบียนอะไรกลับบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกับผู้โดยสารทุกคน ยิ่งเป็นสตรีควรจะกระพึงทำ และสามารถจดจำในรายละเอียดได้ทำให้เป็นประโยชน์อย่างมากเวลาเกิดเหตุ โดยขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถ และประวัติคนขับแท็กซี่เพื่อเร่งหาเบาะแสนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย...


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : 1 กรกฎาคม 2555 14:09 น.




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น