สลด! เด็กวัย 14 ปี มาตุฆาตแม่ดับ เหตุสั่งห้ามเล่นเกม
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม : 31 ตุลาคม 2555 13:57 น.
เกิดเหตุบุตรชายวัย 14 ปี ใช้อาวุธมีดสปาต้าแทงแม่บังเกิดเกล้าจนเสียชีวิตคาห้องนอน พี่สาวพยายามเข้าช่วยเหลือกลับโดนจนสาหัสไปอีกคน เผยผู้ก่อเหตุเครียดถูกต่อว่าเรื่องเล่นเกมคอมพ์ และในอดีตมีอาการคล้ายเด็กพิการทางสมอง
วันนี้ (31 ต.ค.) เวลา 03.30 น. พ.ต.ต.ประยุทธ พึ่งเคหา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ประเวศ ได้รับแจ้งเหตุลูกชายใช้อาวุธมีดแทงมารดาเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 99/731 หมู่บ้านนักกีฬา ซ.หมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง 5 แยก 12 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวเนื้อที่ราว 100 ตารางวา อยู่หลังโรงเรียนศรีพฤฒา ภายในบ้านพบคราบเลือดเปรอะไปทั่วบ้าน ที่ประตูห้องนอนพบศพนางอริยา เกสดี อายุ 50 ปีนอนคว่ำจมกองเลือด สวมชุดนอนลายลูกไม้ มีบาดแผลถูกอาวุธมีดเข้าที่ด้านหลังเป็นแผลฉีก 4 แห่ง ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายญาตินำส่ง รพ.ลาดพร้าว ชื่อ น.ส.กาญจนาพร เกสดี อายุ 29 ปี บุตรสาวผู้ตาย มีบาดแผลที่แขนและขาหลายแห่ง
ส่วนมือมีดรายนี้เป็นบุตรชายของผู้ตายชื่อ ด.ช.แบงก์ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนศรีพฤฒา ยืนถือมีดสปาต้าด้วยอาการเหม่อลอย มีนายพงษ์พันธ์ เกสดี อายุ 60 ปี บิดาคอยปลอบใจอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ประเวศ
จ.ส.อ.พงษ์พันธ์ เกสดี อายุ 60 ปี อดีตทหารสื่อสาร สามีผู้ตายกล่าวว่า ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่คิดว่าลูกชายจะทำร้ายแม่ได้ โดยนิสัยแล้วลูกชายเป็นเด็กที่ไม่ค่อยช่วยทำงานบ้าน กินน้ำก็ไม่กรอก เล็บก็ไม่ตัด และตอนเด็กก็มีอาการคล้ายเด็กพิการทางสมอง แต่ก็ไปรักษาแล้วก็ไม่มีอาการอีก แต่ก็คอยเตือนแม่กับพี่สาวว่าอย่าไปว่าน้องมาก เพราะเป็นเด็กเก็บกดไม่มีที่ระบายออก ตนกับภรรยาก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน เพราะไม่ถูกกับญาติพี่น้องตน จึงไปเช่าบ้านอยู่ใก้ลกัน จนเกิดเหตุลูกสาวโทร.มาบอกจึงรีบเข้าไปที่บ้านเห็นลูกชายยืนถือมีดอยู่หน้าบ้านแล้ว
พ.ต.ต.ประยุทธเปิดเผยว่า ด.ช.แบงก์ ผู้ก่อเหตุเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุอยู่ในบ้านกับแม่และพี่สาวและหลานรวมเป็น 4 คน ตนนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ เข้าไปดูในเฟซบุ๊กและดูโทรทัศน์ด้วย ส่วนคนอื่นเข้านอนแล้ว ราวกลางดึกมารดาเข้ามาไล่ให้เข้าห้องนอน ทำให้โมโหประกอบกับโดนดุด่าว่าเป็นเด็กไม่ช่วยทำงานบ้านเล่นแต่เกมกับคอมพิวเตอร์ จึงไปหยิบมีดสปาต้าแล้วเข้าไปไล่แทงและฟันแม่ภายให้องนอน แต่แม่พยายามวิ่งหนีแต่ไม่พ้นถูกแทงตายคาประตูห้องนอน ก่อนที่จะถือมีดเข้าไปไล่ฟันพี่สาวในห้อง แต่พี่ได้วิ่งหนีเข้าไปล็อกห้องนอนแล้วโทร.บอกบิดาให้มาช่วย เบื้องต้น ด.ช.แบงก์ยังอยู่ในอาการเซื่องซึมไม่พูดอะไรมาก บ่นเพียงสาเหตุครั้งนี้ที่ลงมือทำอย่างนี้ว่า “มันหลายเรื่อง”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้สอบปากคำพร้อมกับผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังเป็นเยาวชนอยู่ ก่อนที่จะส่งดำเนินคดีฆ่าคนโดยเจตนา และจะส่งไปตรวจสภาพจิตใจอีกครั้ง
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.ท.สรรเสริญ กรีอารี พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ รับผิดชอบงานสอบสวน สน.ประเวศ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเวรรับผิดชอบส่งผู้ต้องหาฝากขังศาลนำตัว ดช.แบงก์ (นามสมมุติ) อายุ14ปี ส่งตัวผู้ต้องหารายนี้ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง(สาขามีนบุรี) ก่อนนำตัวไปควบคุมต่อที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพื่อดำเนินการตรวจสอบภาวะทางจิตต่อไป
พ.ต.ท.สรรเสริญ เปิดเผยว่า จาการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุทราบว่ามูลเหตุครั้งนี้น่าจะมาจากปัญหาภายในครอบครัว ที่ผู้ก่อเหตุมีอาการเก็บกดจากการถูกมารดาว่ากล่าวห้ามไม่ให้เล่นเกมส์อยู่เป็นประจำจนเกิดความเครียดก่อนก่อเหตุสลด หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ทำการตรวจสอบหาสารเสพติดจาก ดช.แบงก์ พบว่าไม่มีการใช้สารเสพติดแต่อย่างใด นอกจากนี้จากการพูดคุยสอบถามบรรดาญาติ ทำให้ทราบว่า ดช.แบงก์ มีพฤติกรรมติดเกมส์คอมพิวเตอร์และมีอารมณ์โมโหร้ายรุนแรง แต่ไม่เคยก่อเหตุรุนแรงมาก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่า ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณหน้า รร.ศรีพฤฒา ย่านหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง ที่ดช.แบงก์ ศึกษาอยู่พบว่ามีร้านเกมส์เปิดอยู่หลายร้านในละแวกนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปยังร้านเกมส์ไม่มีชื่อที่ ดช.แบงก์เข้าไปเล่นเป็นประจำ พบว่าเป็นร้านห้องแบ่งให้เช่าชั้นเดียวมีคอมพิวเตอร์ 8-10 เครื่อง เมื่อสอบถามเกี่ยวกับ ดช.แบงก์ พบว่ามีกลุ่มเพื่อนนักเรียนให้ข้อมูลว่า ดช.แบงก์ มักเข้ามาเล่นเกมส์กับกลุ่มเพื่อนๆ เป็นประจำโดยส่วนใหญ่จะเป็นเกมส์ต่อสู้ นอกจากนี้ ยังสังเกตุเห็นว่าระหว่างเล่นเกมส์นั้น ดช.แบงก์ มักจะมีอาการเก็บกดด้วยจึงคาดว่าาน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญในการก่อเหตุครั้งนี้ จากการสังเกตุพฤติกรรม ของ ดช.แบงก์ พบว่าในขณะที่อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ไม่มีอาการสำนึกผิดหรือแสดงอาการเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีอาการเหม่อลอยไม่ค่อยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่...
ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ :
www.manager.co.th
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม : 31 ตุลาคม 2555 13:57 น.
นางอริยา เกสดี อายุ 50 ปี ผู้เสียชีวิต |
เกิดเหตุบุตรชายวัย 14 ปี ใช้อาวุธมีดสปาต้าแทงแม่บังเกิดเกล้าจนเสียชีวิตคาห้องนอน พี่สาวพยายามเข้าช่วยเหลือกลับโดนจนสาหัสไปอีกคน เผยผู้ก่อเหตุเครียดถูกต่อว่าเรื่องเล่นเกมคอมพ์ และในอดีตมีอาการคล้ายเด็กพิการทางสมอง
วันนี้ (31 ต.ค.) เวลา 03.30 น. พ.ต.ต.ประยุทธ พึ่งเคหา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ประเวศ ได้รับแจ้งเหตุลูกชายใช้อาวุธมีดแทงมารดาเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 99/731 หมู่บ้านนักกีฬา ซ.หมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง 5 แยก 12 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวเนื้อที่ราว 100 ตารางวา อยู่หลังโรงเรียนศรีพฤฒา ภายในบ้านพบคราบเลือดเปรอะไปทั่วบ้าน ที่ประตูห้องนอนพบศพนางอริยา เกสดี อายุ 50 ปีนอนคว่ำจมกองเลือด สวมชุดนอนลายลูกไม้ มีบาดแผลถูกอาวุธมีดเข้าที่ด้านหลังเป็นแผลฉีก 4 แห่ง ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายญาตินำส่ง รพ.ลาดพร้าว ชื่อ น.ส.กาญจนาพร เกสดี อายุ 29 ปี บุตรสาวผู้ตาย มีบาดแผลที่แขนและขาหลายแห่ง
ส่วนมือมีดรายนี้เป็นบุตรชายของผู้ตายชื่อ ด.ช.แบงก์ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนศรีพฤฒา ยืนถือมีดสปาต้าด้วยอาการเหม่อลอย มีนายพงษ์พันธ์ เกสดี อายุ 60 ปี บิดาคอยปลอบใจอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ประเวศ
จ.ส.อ.พงษ์พันธ์ เกสดี อายุ 60 ปี อดีตทหารสื่อสาร สามีผู้ตายกล่าวว่า ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่คิดว่าลูกชายจะทำร้ายแม่ได้ โดยนิสัยแล้วลูกชายเป็นเด็กที่ไม่ค่อยช่วยทำงานบ้าน กินน้ำก็ไม่กรอก เล็บก็ไม่ตัด และตอนเด็กก็มีอาการคล้ายเด็กพิการทางสมอง แต่ก็ไปรักษาแล้วก็ไม่มีอาการอีก แต่ก็คอยเตือนแม่กับพี่สาวว่าอย่าไปว่าน้องมาก เพราะเป็นเด็กเก็บกดไม่มีที่ระบายออก ตนกับภรรยาก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน เพราะไม่ถูกกับญาติพี่น้องตน จึงไปเช่าบ้านอยู่ใก้ลกัน จนเกิดเหตุลูกสาวโทร.มาบอกจึงรีบเข้าไปที่บ้านเห็นลูกชายยืนถือมีดอยู่หน้าบ้านแล้ว
พ.ต.ต.ประยุทธเปิดเผยว่า ด.ช.แบงก์ ผู้ก่อเหตุเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุอยู่ในบ้านกับแม่และพี่สาวและหลานรวมเป็น 4 คน ตนนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ เข้าไปดูในเฟซบุ๊กและดูโทรทัศน์ด้วย ส่วนคนอื่นเข้านอนแล้ว ราวกลางดึกมารดาเข้ามาไล่ให้เข้าห้องนอน ทำให้โมโหประกอบกับโดนดุด่าว่าเป็นเด็กไม่ช่วยทำงานบ้านเล่นแต่เกมกับคอมพิวเตอร์ จึงไปหยิบมีดสปาต้าแล้วเข้าไปไล่แทงและฟันแม่ภายให้องนอน แต่แม่พยายามวิ่งหนีแต่ไม่พ้นถูกแทงตายคาประตูห้องนอน ก่อนที่จะถือมีดเข้าไปไล่ฟันพี่สาวในห้อง แต่พี่ได้วิ่งหนีเข้าไปล็อกห้องนอนแล้วโทร.บอกบิดาให้มาช่วย เบื้องต้น ด.ช.แบงก์ยังอยู่ในอาการเซื่องซึมไม่พูดอะไรมาก บ่นเพียงสาเหตุครั้งนี้ที่ลงมือทำอย่างนี้ว่า “มันหลายเรื่อง”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้สอบปากคำพร้อมกับผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังเป็นเยาวชนอยู่ ก่อนที่จะส่งดำเนินคดีฆ่าคนโดยเจตนา และจะส่งไปตรวจสภาพจิตใจอีกครั้ง
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.ท.สรรเสริญ กรีอารี พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ รับผิดชอบงานสอบสวน สน.ประเวศ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเวรรับผิดชอบส่งผู้ต้องหาฝากขังศาลนำตัว ดช.แบงก์ (นามสมมุติ) อายุ14ปี ส่งตัวผู้ต้องหารายนี้ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง(สาขามีนบุรี) ก่อนนำตัวไปควบคุมต่อที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพื่อดำเนินการตรวจสอบภาวะทางจิตต่อไป
พ.ต.ท.สรรเสริญ เปิดเผยว่า จาการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุทราบว่ามูลเหตุครั้งนี้น่าจะมาจากปัญหาภายในครอบครัว ที่ผู้ก่อเหตุมีอาการเก็บกดจากการถูกมารดาว่ากล่าวห้ามไม่ให้เล่นเกมส์อยู่เป็นประจำจนเกิดความเครียดก่อนก่อเหตุสลด หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ทำการตรวจสอบหาสารเสพติดจาก ดช.แบงก์ พบว่าไม่มีการใช้สารเสพติดแต่อย่างใด นอกจากนี้จากการพูดคุยสอบถามบรรดาญาติ ทำให้ทราบว่า ดช.แบงก์ มีพฤติกรรมติดเกมส์คอมพิวเตอร์และมีอารมณ์โมโหร้ายรุนแรง แต่ไม่เคยก่อเหตุรุนแรงมาก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่า ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณหน้า รร.ศรีพฤฒา ย่านหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง ที่ดช.แบงก์ ศึกษาอยู่พบว่ามีร้านเกมส์เปิดอยู่หลายร้านในละแวกนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปยังร้านเกมส์ไม่มีชื่อที่ ดช.แบงก์เข้าไปเล่นเป็นประจำ พบว่าเป็นร้านห้องแบ่งให้เช่าชั้นเดียวมีคอมพิวเตอร์ 8-10 เครื่อง เมื่อสอบถามเกี่ยวกับ ดช.แบงก์ พบว่ามีกลุ่มเพื่อนนักเรียนให้ข้อมูลว่า ดช.แบงก์ มักเข้ามาเล่นเกมส์กับกลุ่มเพื่อนๆ เป็นประจำโดยส่วนใหญ่จะเป็นเกมส์ต่อสู้ นอกจากนี้ ยังสังเกตุเห็นว่าระหว่างเล่นเกมส์นั้น ดช.แบงก์ มักจะมีอาการเก็บกดด้วยจึงคาดว่าาน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญในการก่อเหตุครั้งนี้ จากการสังเกตุพฤติกรรม ของ ดช.แบงก์ พบว่าในขณะที่อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ไม่มีอาการสำนึกผิดหรือแสดงอาการเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีอาการเหม่อลอยไม่ค่อยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่...
ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ :
www.manager.co.th